เรื่องราววัฒนธรรมของประเทศ แอลเบเนีย

ประเทศแอลเบเนีย เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยเราอาจจะไม่ได้รู้จักมากนัก หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ หากจะรู้จักสักหน่อยก็คงได้ยินชื่อมาบ้าง แต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน ทำอะไร มีวิธีการดำรงชีวิตอาศัยอยู่อย่างไร เพื่อเป็นการเปิดประตูสู่ประเทศแอลเบเนีย เราจะหยิบเรื่องราววัฒนธรรมของพวกเขามาเล่าสู่กันฟัง สนุกๆ พอได้พูดคุยกัน วัฒนธรรมทางด้านอาหาร เรื่องอาหารเขาบอกว่า อาหารของประเทศแอลเบเนียนั้น เปรียบได้กับอาหารจากกลุ่มประเทศเมดิเตอร์เรเนียนนั่นเลยพวกเขามีประวัติศาสตร์ทางด้านอาหารอันยาวนานไม่แพ้ชาติอื่นในโลก วัฒนธรรมอย่างหนึ่งในการทำอาหารของพวกเขาก็คือเขานิยมใช้น้ำมันมะกอกเป็นส่วนผสมในการปรุงอาหาร นอกจากนั้นจะใช้ผักและธัญพืชเป็นวัตถุดิบหลักของอาหารไม่ว่าจะเป็น บวบ, มะเขือ, แตงกวา, มันฝรั่ง, กะหล่ำปลี, และ ผักขมเป็นต้น ส่วนเนื้อนิยมเนื้อแกะ, แพะ, วัว ลูกวัว วัฒนธรรมดนตรี ดนตรีนับว่าเป็นศิลปะที่เข้าไปอยู่ทุกชุมชนของโลก ประเทศนี้เองก็เช่นกัน พวกเขามีวัฒนธรรมทางด้านดนตรีสืบทอดมาอย่างช้านาน พวกเขามีเครื่องดนตรีที่ชื่อว่า ลาฮูต้า เครื่องดนตรีที่มีลักษณะพิเศษมาก ด้านหนึ่งเป็นหน้าคล้ายกับกลองหนัง พาดด้วยสาย เล่นคู่กับไม้ที่โค้งเป็นรูปตัวยูเหมือนกับคันศรยิงธนู พวกเขามักจะหยิบเครื่องดนตรีนี้มาเล่นในวาระสำคัญของท้องถิ่น วัฒนธรรมการเต้น ไม่เพียงแค่ดนตรีเท่านั้น แอลเบเนีย ยังมีวัฒนธรรมด้านการเต้น ความสนุกสนาน ร้องรำทำเพลงกับเขาด้วยเหมือนกัน ท่าเต้น รูปแบบการเต้น ท่วงท่าไม่เหมือนใครเลย ซึ่งท่าเต้นเหล่านี้มาจากวัฒนธรรมอันหลากหลายของพวกเขาที่สืบทอดต่อกันมา ทั้งจากทางเหนือของประเทศ และ ทางใต้ของประเทศ ใครอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ลองค้นหาคำว่า Gusharaveli…

เมือง จิโรคัสตรา (Gjirokastra) เมืองท่องเที่ยวชื่อดังของ แอลเบเนีย

ประเทศแอลเบเนีย จัดว่าเป็นประเทศน้องใหม่ในกลุ่มประเทศยุโรปที่เปิดตัวมา ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเปิดประเทศให้คนไทยเราไปเที่ยวได้ด้วย สำคัญก็คือ สามารถไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าเลย เงื่อนไขนี้พอตั้งขึ้นมาทำให้หลายคนกำลังคิดว่าจะไปเที่ยวประเทศนี้กัน เราขอแนะนำ เมืองจิโรคัสตรา (Gjirokastra) เมืองท่องเที่ยวชื่อดังเค้ามีดีอะไรบ้าง เมือง จิโรคัสตรา (Gjirokastra) เมืองนี้นับว่าเป็นอีกเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศแอลเบเนียเลยก็ว่าได้ ลักษณะทางกายภาพของเมืองจะเป็นพื้นหินเยอะ มีก้อนหินเยอะมาก จนทำให้ได้รับฉายาว่าเมืองแห่งก้อนหิน สาเหตุเป็นเพราะว่าเมืองตั้งอยู่กลางยอดเขาของหุบเขาดริโน และ ถนนของเมืองนี้ปูด้วยหินทำให้มีความแปลกและงดงามไม่แพ้เมืองไหนในประเทศนี้เลย ป้อมปราการอันยิ่งใหญ่ แลนด์มาร์คแรกที่บอกเลยว่าต้องไปก็คือป้อมปราการเก่า ที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยยุคออตโตมันครองเมืองแห่งนี้อยู่ ซึ่งคาดว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษ ที่ 12 หากนับอายุจนถึงตอนนี้ก็ 800 ปีกว่า มันอยู่ได้อย่างไรมาจนถึงตอนนี้ ไม่เพียงค่านั้นป้อมนี้ยังสร้างโอบล้อมปราสาทเก่าแก่ที่สูงจากพื้นดินถึง 300 กว่าเมตร จะทำให้เราได้อึ้งถึงความรู้ความสามารถทางวิศวกรรมของพวกเค้าในยุคนั้นได้เลย พิพิธภัณฑ์ จุดต่อไปเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ รวมถึงประเทศนี้ด้วยนั่นคือ พิพิธภัณฑ์มีอยู่สองแห่งด้วยกัน หนึ่งคือพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์ที่ภายในบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของพวกเค้าตั้งแต่สมัยอดีตกาล ส่วนอีกแห่งหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่จะบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ในช่วงที่ชาวแอลเบเนียนต่อสู้สงครามกับทหารอิตาลี และ เยอรมันช่วงปี 1939-1944 ย่านเมืองเก่า จุดต่อไปเราขอแนะนำให้ไปท่องเที่ยวกันก็คือ ย่านเมืองเก่าของ เมือง จิโรคัสตรา (Gjirokastra) ทำไมถึงต้องไปเมืองนี้ก็เพราะว่า เราจะได้เห็นกลิ่นอายของเมืองที่สืบทอดวัฒนธรรมประเพณี อาคารสถานที่ สิ่งปลูกสร้าง ที่ใช้วิธีการแบบยุค…

เมือง ครูจา (Kruja) เมืองนี้ไปเที่ยวตรงไหน

เมืองท่องเที่ยวของประเทศแอลเบเนีย หากไม่นับสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติแล้ว เมืองต่างๆ เราจะได้เห็นความสามารถทางด้านสถาปัตยกรรม วิศวกรรม ของคนแต่ละยุค แต่ละสมัยที่ผลัดกันเข้ามาปกครองประเทศ รวมถึงสงครามที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการสร้างอาคารต่างๆ ขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเอง เมือง ครูจา (Kruja) ก็เป็นแบบนั้น เมือง ครูจา (Kruja) อยู่ตรงไหน เมืองครูจาแห่งนี้หากนับจากเมืองหลวงของประเทศแอลเบเนียก็เดินทางขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตรก็จะเจอ เมืองนี้ตั้งอยู่บนแนวหุบเขาทำให้ตัวเมืองมีความสวยงามเป็นทุนเดิม และมีชัยภูมิที่ดีเหมาะสำหรับการป้องกันตัวเอง ทำให้การไปเที่ยวเมืองนี้เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมด้านอาคารเพื่อป้องกันการสู้รบเป็นส่วนใหญ่ เรื่องเล่าของเมือง ครูจา ว่ากันที่เรื่องราวของเมืองนี้บ้างดีกว่า เมืองนี้ย้อนกลับไปในอดีตประวัติศาสตร์บอกว่าที่นี้เคยเป็นแหล่งพักพิงของชนเผ่าอิลลิเรียนของแอลบานี จากนั้นได้ยกระดับตัวเองเป็นเขตปกครองแห่งแอลบาเนีย แล้วก็กลายเป็นเมืองหลวงของเขตปกครองดังกล่าว แต่พอประเทศโดนรุกรานจากการแผ่อิทธิพลของพวกออตโตมันก็ทำให้เมืองนี้โดนกลืนไปในที่สุด ซึ่งก่อนจะโดนกำราบได้นั้น เมืองนี้เคยปักหลักสู้กับทางออตโตมานอยู่ได้นานสองนานทีเดียว ส่วนหนึ่งเพราะชัยภูมิของเมืองและปราสาทของเมืองที่แข็งแกร่งดุจหินผานี่แหละ ปราสาทแห่งครูจา แลนด์มาร์คสำคัญของการท่องเที่ยวในเมือง ครูจา แห่งนี้ก็คือ ปราสาทแห่งครูจา ปราสาทที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นกองบัญชาการ และ แนวป้องกันเมืองจากการรุกรานของพวกออตโตมานเติร์ก ปราสาทแห่งนี้ต้องบอกว่ายิ่งใหญ่ อลังการมาก ข้อมูลบอกว่า สามารถจุทหารได้ถึง 3,000 คนทีเดียว (ต้องสร้างเพื่อรบกับกองทัพขนาดใหญ่) นอกจากตัวปราสาทยังมีหอคอยสูงอีกโดยรอบเพื่อทำหน้าที่เสมือนกับเป็นเรดาห์คอยจับการเคลื่อนไหวของศัตรูให้ได้ พิพิธภัณฑ์ ด้านในตัวปราสาทนั้น นอกจากความอลังการยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งนั่นคือ พิพิธภัณฑ์สแกนเดอร์เบก พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของนายทหารที่ร่วมกันต่อสู้กับสงครามป้องกันพวกออตโตมันครั้งนั้น เราจะได้ศึกษาอาวุธ…